มหาดินแดนแห่งวิหคทองคำ
[ New messages · Members · Forum rules · Search · RSS ]
  • Page 1 of 1
  • 1
Forum moderator: Elizabet, Moji, Soroi  
Pegasus
MojiDate: Tuesday, 2014-03-25, 2:50 PM | Message # 1
แม่ทัพ
Group: วุฒิสมาชิกกรมสัตว์เทพ
Messages: 2
Awards: 3
Reputation: 4153
Status: Offline
เพกาซัส (Pegasus, เปกาซอส หมายถึง แข็งแรง) เป็นสัตว์ในเทพนิยาย
กรีก เป็นม้าร่างกำยำพ่วงพีสีขาวบริสุทธิ์ และมีปีกอันกว้างสง่างามเหมือนนกพิราบ

เพกาซัสเกิดมาจากนางกอร์กอน เมดูซ่า ถูกวีรบุรุษเพอร์ซีอุสฟันคอขาดตาย ในขณะที่นางสิ้นใจตายนั้น เพกาซัสก็กระโจนออกมาจากลำคอของนาง ไม่มีใครสามารถปราบเพกาซัสได้เลยซักคน ตอนที่มันเกิดมาใหม่ ๆ และออกวิ่งอย่างคึกคะนองนั้น น้ำที่กระเซ็นจากรอยเท้าที่มันวิ่งก่อให้เกิดน้ำพุสวยงาม คือน้ำพุพีเรเนียน (Pyrenean spring)
เพกาซัสโดนปราบโดยเด็กหนุ่มรูปงามชาวเมืองโครินทร์มีนามว่า "เบลเลอโรฟอน" (Bellerophon) เบลเลอโรฟอนเป็นโอรสของเจ้าเมืองโครินทร์ที่มีนามว่า พระเจ้ากลอคุส (Glaucus) ซึ่งต่อมาเบลเลอโรฟอนได้ขี่เพกาซัสปราบไคเมร่า


เพกาซัส (Pegasus) มีลักษณะเป็นม้าที่ลำตัวสีขาวสะอาด มีปีกขนาดใหญ่เหมือนนกสีขาว แต่ก็มีบางทีก็มีคนวาดให้ปีกของเพกาซัสเป็นสีทอง เพกาซัสเป็นม้าที่มีความฉลาดปราดเปรื่อง เป็นเครื่องหมายแห่งความบริสุทธิ์ ความสว่าง พลังแห่งดวงอาทิตย์ และแน่นนอนว่าเป็นพาหนะของพวกพระเอกเท่านั้น ! นอกจากนี้ความหมายของชื่อเพกาซัสยังมีความหมายว่า 'springs of ocean' ซึ่งแปลว่าผู้เกิดมาจากน้ำ (ภาษาไทยก็มีนะ แต่เป็นผู้หญิงอ่ะ หากใครรู้จักตำนานการกวนเกษียรสมุทรเพื่อทำน้ำทิพย์จะรู้ว่ามีสิ่งวิเศษที่ผุดออกมาจากฟองคลื่น หนึ่งในนั้นคือพระลักษมีซึ่งต่อมากลายเป็นพระชายาของพระนารายณ์ และนอกจากนั้นก็มีมีพวกนางอัปสรทั้งหลายผุดขึ้นมาจากน้ำอีกด้วย เพราะฉะนั้น คำว่า "อัปสร" "อัปสรา" และ "อัจฉรา" ที่หมายถึงนางฟ้า จึงมีความหมายดั้งเดิม คือ "ผู้ที่เกิดมาจากน้ำ" เหมือนกัน)ความสามารถของเพกาซัสคือ ความไว การสร้างน้ำพุ และยังแข็งแรงขนาดที่ฝ่าพายุขนาดบินอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างสบายๆ

ตำนานการเกิดของเพกาซัสมีอยู่หลายตำนาน แต่ที่เป็นหลักๆ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ


1. ตำนานที่กล่าวว่าเพกาซัสเป็นบุตรของเทพโพเซดอน (Poseidon) กับนางเมดูซ่า(Medusa) ซึ่งในขณะที่โพเซดอนลอบเข้าหานางเมดูซ่าได้แปลงกายอยู่ในลักษณะของม้า จึงทำให้ลูกที่เกิดมาเป็นม้าด้วย ! ( โอ้ ! แม่เจ้า คนกะม้า ! ความพยายามล้ำเลิศจริงๆ )

2. ตำนานที่กล่าวว่าเพกาซัสเกิดจากหยดเลือดของนางเมดูซ่าขณะที่เพอซุส (Perseus)[จะอ่านว่า เพอซุส หรือ เพอซิอุสก็ได้ ตามความถนัด ] ตัดหัวนางออกมา

ตำนานแรก มีเรื่องเล่าว่าโพเซดอนซึ่งเป็นเจ้าแห่งท้องสมุทร หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเนปจูน (Neptune) เกิดไปหลงรักสาวน้อยนางหนึ่งที่ชื่อว่า เมดูซ่า โดยเมดูซ่าเป็นบุตรของเทพฟอร์ซีส (Phorcys) กับ นางซีโต (Ceto) และเป็น 1 ใน 3 พี่น้องกอร์กอน (Gorgons) โดยเมดูซ่ามีรูปโฉมที่งดงามมาก จนโพเซดอนอดใจไม่ไหวแอบแปลงเป็นม้าเข้ามากุ๊กกิ๊กกับเมดูซ่าในบริเวณวิหาร ของเทพีเอเธน่า ซึ่งถือเป็นการหลบหลู่กันอย่างแรง เพราะสมญานามของพระนางนอกจากจะเป็นเทพีแห่งปัญญาแล้ว ก็ยังครองตำแหน่งเทพีแห่งพรหมจรรย์อีกด้วย จะไม่ให้โกรธได้อย่างไรเมื่อเล่นหยามหน้ากันเข้ามากุ๊กกิ๊กกันในวิหารศักดิ์สิทธ์ของพระนาง แถมไอ้หนุ่มนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นลุงแท้ๆ ของตัวเองซะอีก เมื่อเอาผิดกับลุงของตัวเองไม่ได้ เทพีเอเธน่าจึงหันมาเล่นงานเมดูซ่าแทน ( คงถือคติตบมือข้างเดียวไม่ดัง ประมาณว่าถ้าเมดูซ่าไม่สมยอมเรื่องก็คงไม่เกิด ) เมดูซ่าจึงรับกรรมไปคนเดียวเต็มๆ พระนางสาปให้เมดูซ่าที่เคยเป็นสาวงามกลายเป็นอสูรกายหน้าตาอัปลักษณ์ เส้นผมสีดำที่เคยเป็นเกลียวสวยงามก็กลายเป็นงูเต็มหัวไปหมด และเมื่อนางมองสิ่งมีชีวิตใดก็ตาม สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นหินไป จากหญิงสาวธรรมดาก็กลายเป็นปิศาจร้ายที่มีจิตอันชั่วร้าย จากนั้น ก็ส่งตัวเมดูซ่าไปอยู่เกาะกอร์กอน (Gorgons) เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย

เมื่อเวลาผ่านไป เพอซุส (Perseus) ซึ่งเป็นบุตรของเทพซุส (Zeus) กับนางดาเน่ (Danae) ถูกมอบหมายงานมาให้ตัดศีรษะของนางเมดูซ่าโดยกษัตริย์ โพลีเดคทีส(Polydectes) แห่งแคว้นเซริฟอส (Seriphos) ซึ่งเคยให้ที่พักพิงแก่เพอซุสและเจ้าหญิงดาเน่ผู้เป็นมารดาขณะลอยแพมาติด เกาะที่เมืองนี้ ก็เกิดมีใจคิดจะครอบครองเจ้าหญิงดาเน่ จึงคิดจะกำจัดเพอซุสที่เป็นก้างชิ้นใหญ่นี่ไปซะ ก็เลยออกอุบายให้เพอซุสไปตัดหัวเมดูซ่ามาซะ เพราะกษัตริย์โพลีเดคทีสคิดว่า ยังไงซะเพอซุสก็คงตายด้วยฝีมือของเมดูซ่าอย่างแน่นอน

จากนั้นเพอซุสก็ได้ออกตามหาเมดูซ่าโดยได้รับความช่วยเหลือจากเทพีเอเธน่า ทั้งคำบอกใบ้ไปเกาะกอร์กอน แถมให้ยืมโล่ห์ของพระนางอีกด้วย ( แสดงว่าแค้นนี้ยังฝังใจ ) แล้วก็ยังมีดาบที่เทพแห่งการสื่อสารเมอร์คิวรีที่ได้มอบไว้ให้ ซึ่งดาบนี้เป็นดาบวิเศษที่ไม่มีวันหักเป็นของแถมให้อีกต่างหาก แล้วในที่สุดเพอซุสก็ได้พบกับเมดูซ่าจนได้ เพอซุสได้ใช้โล่ห์ที่เอเธน่ามอบให้เพื่อป้องกันตัว และใช้วิธีเหลือบมองเงาของนางเมดูซ่าผ่านโล่ห์วิเศษ และในที่สุดเพอซุสก็ตัดหัวเมดูซ่าได้สำเร็จ เลือดของเมดูซ่าที่หยดต้องน้ำของมหาสมุทรก็บังเกิดกลายเป็นม้าวิเศษขึ้นมา ทันที

ซึ่งม้าตัวนี้ได้รับการพรรณนาว่าเป็นสัตว์วิเศษที่มีความสวยงามอย่างที่โลก ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน จากนั้นเพกาซัสก็บินรับเพอซุสไปส่งขึ้นฝั่ง แล้วเพกาซัสก็บินตรงไปที่เขาเฮลิคอน (Helicon) ที่มีเทวีแห่งศิลป์ทั้ง 9 นาง หรือที่เรียกว่า Muses ( มิวซิส ) คอยให้การดูแลเพกาซัสต่อมา พูดง่ายๆ ก็คือเป็นพี่เลี้ยงนั่นเอง ( ตรงนี้บางตำนานบอกว่าเทพีเอเธน่าเป็นผู้นำไปมอบให้เทวีแห่งศิลป์ที่เขาเฮลิ คอนด้วยตัวเอง ) จากนั้นเพอซุสก็ได้ปราบมังกรทะเลและช่วยเจ้าหญิงอันโดรเมด้า (Andromeda) แห่งเมืองเอธิโอเปีย ก็ได้ไปรับพระมารดาและพากันไปตั้งเมืองใหม่ที่ชื่อว่าไมซีเน่ (Mycenae) ส่วนหัวของนางเมดูซ่าเทพีเอเธน่าก็นำมาติดบนโล่ห์ประดับโก้ๆ ซะเลย

แต่อีกตำนานบอกว่าเพกาซัสเกิดมาจากเลือดของเมดูซ่าอย่างเดียว โปเซดอนไม่มีเอี่ยวเรื่องนี้มีอยู่ว่าในบรรดาสามศรีพี่น้องกอร์กอน เมดูซ่าถึงจะไม่ได้เป็นอมตะเหมือนพี่สาวทั้งสอง แต่ก็มีความงามเป็นเลิศ และนางก็บังอาจท้าทายความงามของนางกับเทพีเอเธน่า จนทำให้พระนางโกรธจึงสาปให้เมดูซ่ามีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียด มีเส้นผมเป็นงูอย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว จากนั้นก็นำตัวสามศรีพี่น้องตัวแสบไปขังไว้ที่เกาะกอร์กอน ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นก็ลงท้ายเหมือนกัน

กลับมาที่เรื่องของเพกาซัสต่อนะ หลังจากที่มาอยู่ที่เขาเฮลิคอนแล้วเพกาซัสก็ซุกซนเหมือนเด็กๆ ทั่วไป แต่มันต่างกันตรงที่เขาเป็นม้า แถมบินได้ เพกาซัสก็เลยชอบไปๆ มาๆ ระหว่างโลกมนุษย์และเขาโอลิมปัส (Olypus) ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทพทั้งหลายหรือเรียกง่ายๆ ว่าสรรค์นั่นแหละ บางทีก็ชอบบินท่องไปในมหาสมุทร กระโดดกระหยองกระแหยงไปตามเรื่อง ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งคณะเทวีแห่งศิลป์ได้ประกวดร้องเพลงกับ พีเอริซ (Pierises) ทำให้เขาเฮลิคอนพองตัว เทพโพเซดอนจึงให้เพกาซัสใช้กีบเท้าแทงเขาเฮลิคอนเพื่อที่จะทำให้เขากลับสู่ สภาพเดิม จากนั้นมาจุดที่เพกาซัสใช้ขาแทงเขาเฮลิคอนก็หลายเป็นน้ำพุขึ้นมา เรียกว่า Hippocrene ( ฮิปโปครีน ) หรือ Horse Spring ( น้ำพุอาชา ) ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำพุนี้มีพลังวิเศษ หากใครได้ดื่มน้ำจากน้ำพุนี้จะทำให้มีพรสวรรค์ในด้านศิลปะขึ้นมาทันที

หลังจากที่เพอซุสปราบเมดูซ่าไม่กี่ปี เทพีเอเธน่าก็ยกเพกาซัสให้กับเบลเลอโรฟอน(Bellerophon) โดยมอบบังเหียนสีทองให้อันหนึ่ง ซึ่งบังเหียนนี้มีความสามารถทำให้เพกาซัสเชื่องได้ แล้วเบลเลอโรฟอนก็ไปดักรอเพกาซัสที่น้ำพุ ในขณะที่เพกาซัสกำลังดื่มน้ำจากน้ำพุพีเรเนียน (Pyrenean spring) น้ำพุนี้ก็ made by เพกาซัสเหมือนเดิม คือใช้กีบเท้ากระทุ้งให้น้ำพุ่งขึ้นมา เมื่อเห็นจังหวะเหมาะเบลเลอโรฟอนก็กระโดดขึ้นหลังเพกาซัสปุ๊บ ครอบบังเหียนปั๊บ เพกาซัสก็เลยต้องกลายเป็นม้ามีเจ้าของไปโดยปริยาย หลังจากนั้นเพกาซัสและเบลเลอโรฟอนก็ไปปราบตัวคิเมร่ากัน (Chimaera) ซึ่งตัวคิเมร่านี่มีหัวเป็นสิงห์ ตัวเป็นแพะ และมีหางเป็นมังกร ซึ่งหลังจากนั้นทั้ง เบลเลอโรฟอนและเพกาซัสก็ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มากันตลอด

แต่ช่วงสุดท้ายของวีรบุรุษคนนี้กลับน่าเศร้านัก เมื่อการที่เขาทำศึกครั้งใดก็ชนะตลอดเพราะมีม้าวิเศษอย่างเพกาซัส ทำให้เขาผยองจนลืมตัว คิดจะขึ้นไปพบปะเทพบนสวรรค์โดยขี่หลังเพกาซัสมุ่งตรงไปยังเขาโอลิมปัส ทำให้ทวยเทพรู้สึกไม่พอใจ และแน่นอนว่าเทพซุส (Zeus) ก็ให้บทลงโทษที่แสนสาหัสกับความโอหังครั้งนี้อย่างสาสม เทพซุสปล่อยแมลงใส่เพกาซัส เมื่อเพกาซัสโดนเหล็กไนของแมลงนั้นก็เจ็บปวดจนเผลอสะบัดเบลเลอโรฟอนจนตกจาก หลังของมัน ถ้าเป็นคนธรรมดาคงตายไปแล้ว แต่ด้วยความเมตตาของเทพีเอเธน่าจึงแค่บันดาลให้พื้นดินตรงนั้นอ่อนนุ่ม จึงทำให้เบลเลอโรฟอนแค่ขาหักและตาบอดไป ชีวิตช่วงสุดท้ายของวีรบุรุษคนนี้จึงน่าอนาถนัก ต้องเร่ร่อนไปทั่วแผ่นดินเพื่อจะตามหาม้าวิเศษ ในที่สุดเขาก็ตายอย่างเดียวดาย

ส่วนเพกาซัสก็กลายเป็นม้ารับใช้ของเหล่าเทพไป โดยเพกาซัสได้ไปที่เขาของเทพธิดาเอ-ออส (Eos) หรือ ออโรร่า (Aurora) ซึ่งเป็นเทพธิดาในการดูแลของเทพอพอลโล (Apollo) เทพแห่งดวงอาทิตย์ เพื่อช่วยนางในการทำให้ตะวันตกดิน และก็ช่วยเทพอพอลโลในการทำให้พระอาทิตย์ขึ้น นอกจากนี้บางทีเพกาซัสก็รับใช้เทพซุสด้วย โดยจะเป็นผู้นำสายฟ้าซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเทพซุสมาส่งให้เมื่อองค์มหาเทพต้องการ
หลังจากนั้น เพกาซัสก็ได้รับการสถาปนาขึ้นบนท้องฟ้าให้กลายเป็นกลุ่มดาวเพกาซัส ซึ่งดาวกลุ่มนี้จะปรากฎขึ้นทางทิศใต้ในฤดูใบไม้ร่วง โดยเรียกดาวกลุ่มนี้ว่า "Square of Pegasus" หรือ สี่เหลี่ยมเพกาซัส ซึ่งกลุ่มดาวเพกาซัสนี้มีตำแหน่งอยู่ติดๆ กับกลุ่มดาวอันโดรเมด้าอีกด้วย

กลุ่มดาวม้าบิน (เพกาซัส)


กลุ่มดาวม้าบิน เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าเหนือ ตั้งชื่อตามเพกาซัส สัตว์ในเทพนิยายกรีก นับเป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ดาวฤกษ์สว่าง 4 ดวงในกลุ่ม เรียงกันเป็นดาวเรียงเด่นรู้จักกันในชื่อ จัตุรัสม้าบิน ดาวดวงหนึ่งใน 4 ดวงนี้ เป็นสมาชิกของทั้งกลุ่มดาวแอนดรอเมดาและกลุ่มดาวม้าบิน
Attachments: 1828610.jpg (52.7 Kb)


Message edited by Moji - Tuesday, 2014-03-25, 2:52 PM
 
  • Page 1 of 1
  • 1
Search: